RSS

Enzyme เอนไซม์

เอนไซม์ คือ โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีในสิ่งมีชีวิต โดยเอนไซม์จะเข้าไปจับกับสารตั้งต้นแบบจำเพาะเจาะจงเสมือนกับแม่กุญแจที่ใช้ได้กับลูกกุญแจเพียงแบบเดียวเท่านั้น และเอนไซม์จะเปลี่ยนสารตั้งต้นให้เป็นผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็วขึ้นกว่าที่จะเกิดเองตามธรรมชาติโดยปราศจากเอนไซม์ ทำให้สิ่งมีชีวิตสามารถใช้ประโยชน์จากปฏิกิริยาเคมีได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพและทำให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้

 

เอนไซม์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1. เอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยอาหาร (Digestive Enzyme) เช่น เอนไซม์อะไมเลส มีหน้าที่ย่อยแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตให้เป็นน้ำตาล เป็นต้น

2. เอนไซม์ที่ทำหน้าที่ในกระบวนการเมตาบอลิซึม (Metabolism Enzyme) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ร่างกายใช้เผาผลาญอาหารให้ได้พลังงาน รวมถึงการเสริมสร้างร่างกายและป้องกันโรค เอนไซม์ประเภทนี้เรียกว่า “เมตาบอลิกเอนไซม์” (Metabolic Enzyme)
เอนไซม์เป็นเสมือนแรงงานของร่างกายที่ทำงานในระบบเมตา บอลิซึม เอนไซม์ทำงานเพื่อให้พลังงานแก่ร่างกาย ให้สามารถรักษาสุขภาพของร่างกายให้แข็งแรงและรักษาโรคได้อย่างรวดเร็ว หากร่างกายปราศจากเอนไซม์ ร่างกายก็จะเป็นเพียงเสมือนเคมีกองโตที่ไร้ชีวิต เอนไซม์เป็นสารที่ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นได้

เอนไซม์ มีความจำเป็นต่อทุกปฏิกิริยาเคมีที่เกิดขึ้นในร่างกายมนุษย์ เกลือแร่ วิตามิน และฮอร์โมน จะไม่สามารถทำงานได้หากปราศจากเอนไซม์ ร่างกายมนุษย์ อวัยวะ เนื้อเยื่อ และเซลล์ถูกควบคุมโดยการทำงานของเมตาบอลิกเอนไซม์ เอนไซม์เปลี่ยนอาหารที่เรารับประทานเข้าไปให้เป็นโครงสร้างทางเคมีที่สามารถ ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์เข้าไปในระบบย่อยอาหาร และเข้าสู่กระแสเลือดได้
นอกจากนี้เอนไซม์ยังช่วยเปลี่ยนอาหารให้เป็นกล้ามเนื้อ กระดูก เส้นประสาท และต่อมต่าง ๆ เอนไซม์ยังช่วยไต ปอด ตับ ผิวหนัง และลำไส้ ในการขับของเสีย และอีกมากมาย


อาจจะกล่าวได้ว่า เอนไซม์เกี่ยวข้องกับเกือบทุกระบบใน ร่างกาย การหายใจ การนอนหลับ การรับประทานอาหาร การทำงาน และกระบวนการคิดของร่างกายก็ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับเอนไซม์ทั้งสิ้น
เอนไซม์ สามารถผลิตได้ในร่างกายของมนุษย์ โดยตับอ่อน ซึ่งเป็นอวัยวะที่ผลิตเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ย่อยอาหารมากที่สุด แต่ถึงแม้เอนไซม์จะถูกผลิตได้โดยตับอ่อน แต่เราควรคำนึงถึงเอนไซม์ที่มีอยู่ในอาหารเพื่อช่วยในกระบวนการย่อยอาหารร่วมกับเอนไซม์ใน ร่างกายด้วย เพราะมนุษย์ทุกคนมีความสามารถในการผลิตและใช้เอนไซม์อย่างจำกัด เสมือนกับพลังงานที่สะสมอยู่ในแบตตารี่ หากใช้เอนไซม์สิ้นเปลืองอาจนำไปสู่ภาวะพร่องเอนไซม์ ทำให้เกิดการเจ็บป่วยของสภาพร่างกายได้
อีกทั้งความสามารถในการผลิตเอนไซม์ของร่างกายจะลดลงเมื่อเรามีอายุมากขึ้น จากการศึกษาพบว่าการทำงานของเอนไซม์อะ ไมเลสที่ย่อยแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากเซลล์ของตับอ่อนอ่อนแอ และเสื่อมสภาพลง จึงเป็นเหตุผลว่า ผู้สูงอายุไม่ควรรับประทานคาร์โบไฮเดรตมากในแต่ละมื้อ

เมื่อชีวิตคือการทำงานร่วมกันของเอนไซม์อย่างมีระบบ เมื่อเอนไซม์เสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว ก็หมายถึงความชราเกิดขึ้นกับร่างกายของเรา ก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่าง ๆ ที่สำคัญต่อการมีชีวิต ส่งผลให้เกิดอาการเจ็บป่วย จนถึงร่างกายทรุดโทรมและตายได้
ทำให้เห็นได้ว่า เอนไซม์ มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพและร่างกายอย่างไร การเสริมเอนไซม์จากอาหารเพื่อช่วยยืดอายุของเซลล์ และลดการทำงานของตับอ่อนในการผลิตเอนไซม์ จึงเสมือนเป็นอีกทางเลือกในการดูแลสุขภาพของคุณ


เอนไซม์ช่วยอะไรได้บ้าง ?
  • โรคมะเร็ง
  • โรคหัวใจ
  • เอนไซม์ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ทำให้แผลหายเร็ว ทั้งแผลเกิดจากผู้ป่วยเบาหวานหรือเกิดจากไฟไหม้หรือแผลติดเชื้อ
  • เอนไซม์ยังช่วยลบรอยแผลเป็น ได้ดีอีกด้วย การใช้เอนไซม์เสริมในอาหารจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เอนไซม์มีความสำคัญต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ พืช จุลินทรีย์ รวมทั้งมนุษย์ด้วย ทั้งนี้ก็เพาะเอนไวม์เป็นตัวหลักของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายและเอนไซม์ต้อง มีในทุกเซลล์ เพื่อซ่อมแวมรักษา และเจริญเติบโตของเซลล์นั้นๆ การกล่าวว่า เอนไวม์เป็นหลักของระบบภูมิต้านทานโรค น่าจะหมายถึง เพราะในร่างกายเรามีเอนไซม์ต่อต้านอนุมูลอิสระ เช่น ซูเปอร์ออกไซด์ดีสมิงเตส (SUPEROXIDE DISMUTASE) กลูตาธิโอน เปอร์ออกซิเดส (GLUTATHIONE PEROXIDASE) คาทาเลส (CATALASE) ฯลฯ คอยทำหน้าที่เสาะหาและทำลายอนุมูลอิสระซึ่งเป็นตัวป่วนทำลายให้เซลล์เสื่อม โดยเฉพาะโจมตีบริเวณผนังเยื่อหุ้มเวลลืและ DNA ซึ่งอยู่ภายในเซลล์ให้ผิดเพี้ยนไป จนอาจกลายเป็นเซล์มะเร็งได้
  • เอนไซม์กับโรคเอดส์ (AIDS) เพราะว่าเอนไซม์โปรตีนเอสบางชนิดจะย่อยโปรตีนที่ห่อเชื้อไวรัส (HIV) ทำให้เชื้อไวรัส HIV ไม่มีที่หลบซ่อนจากภูมิคุ้มกันขงร่างกาย จะทำให้เปลือกหุ้มไวรัสดูดย่อยจนขาดออก ไม่สามารถเป็นกำแพงกั้นเชื้อ HIV จากภูมิคุ้มกันของร่างกายได้อีกต่อไป
  • เอนไซม์กับโรคเบาหวาน ปรับความสมดุลของน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เมื่อมีแผลให้ใช้เอนไซม์โรคยไปที่แผลจะแห้งหายภายใน 2-3 วัน จะไม่เกิดอาการเหนื่อยหรืออ้วน ผู้ป่วยเบาหวานมีน้ำหนักมากจะลดลง เดือนละประมาณ 2-3 กก.
  • มะเร็งต่อมลูกหมาก เกิดจากเอนไซม์ในร่างกายมีระดับต่ำมากกว่าปกติ เอนไซม์ชนิดนี้มีมากในผัก เช่น บล็อกโคลี่ กะหล่ำปลี เป็นต้น แต่ต้องระวังการรับประทานผักมีสารพิษ (ของแถม) ส่วนมากจะเป็นชายวัยกลางคน
  • เอนไซม์กับโรคอ้วน คนอ้วนมักขาดเอนไซม์ไลเปส ไขมันย่อยยากที่สุด การกินเอนไซม์เสริม จึงให้ลดความเหน็ดเหนื่อยของดับอ่อนที่ไม่ต้องเร่งผลิตเอนไซม์ไลเปส จนบางครั้งตับอ่อนจะบวมโตกว่าปกติเพาะต้องทำงานหนักเกินไป การกินเอนไซม์เสริมจึงทำให้ตับอ่อนและตับมีโอกาสได้พัก
  • เอนไซม์กับโรคภูมิแพ้ ถ้าร่างกายขาดเอนไซม์หรือเอนไซม์มีระดับต่ำมากเกินไป ทำให้อาหารย่อยไม่สมบูรณ์ เกิดสารพิษซึมเข้ากระแสโลหิตมากจนตับกำจัดไม่ได้หมด และกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมในกระแสโลหิต ก่อให้เกิดอาการแพ้ขึ้น โรคหืด การแพ้ละอองฝุ่น ผิวหนังพุพอง ปวดศีรษะ อาเจียน บวม ลำไส้ใหญ่อักเสบ เอนไซม์ช่วยป้องกันไม่ให้เหี่ยวย่น เอนไซม์ช่วยให้ผิวสวย เอนไวมืจะทำให้ระบบไหลเวียนของโลหิตไปที่ผิวหนังดีขึ้น สาเหตุเนื่องมาจากเอนไวม์ไลเปสย่อยไขมัน จึงทำให้คลอเลสเตอรอลในเลือดต่ำลง ไม่เกิดการตีบตันหรือออุดตันในหลอดเลือด เลือดไปเลี้ยงผิวหนังเพียงพอ ทำให้เซลล์ของผิวหนังได้รับสารอาหารครบถ้วนในขณะดียวกันสารพิษก็ถูกขับของ เสียออกมาทางเซลล์ผิวหนังจะทำให้เซลล์มีสุขภาพดีสดใน ผิวหน้าดูเปล่งปลั่ง ไม่เหี่ยวย่นอย่างผิวคนแก่ จนกล่าวได้ว่า เอนไซม์ช่วยทำให้ผิวสวยจริงๆ เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังก็ต้องแก่ตามวัยถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดเพาะผิวหนังควรจะเต่งตึงอยู่ได้เนื่องจากเซลล์ของผิว หนังควรแบ่งตัวได้อย่างต่อเนื่องมากกว่า 200 ครั้ง ตลอดชีวิตคือ 120 ปี เราปล่อยตัวเกินไปต่างหาก ท่านอาจอายุมากได้ แต่อย่าเพิ่งยอมแพ้ความแก่
  • เอนไซม์ช่วยย่อยอาหาร ป้องกันโรคกลิ่นปากเหม็น เอนไซม์จะช่วยย่อยอาหารให้สมบูรณ์ จึงทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน อาการจุดเสียด แน่นท้อง ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ จะทุเลาเมื่อกินเอนไซม์ สำหรับยาลดกรดทั่วไปจะทำให้อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็วแต่เพียงชั่วคราวเท่า นั้น เพราะมันเพียงไปทำให้กรดในกระเพาะอาหารหมดฤทธิ์ลง แต่จากนั้น ก็สร้างปัญหาใหญ่ตามมา ยาลดกรดทั่วไปจะทำให้อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็วแต่เพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะมันเพียงไปทำให้กรดในกระเพาะอาหารหมดฤทธิ์ลง แต่จากนั้น ก็สร้างปัญหาใหญ่ตามมา ยาลดกรดจะหยุดการย่อยอาหาร เพราะกรดในกระเพาะอาหารถูกทำให้หายไปหรือลดลง ขณะที่เอนไซม์จะช่วยทำหน้าที่ย่อยอาหารไปตามปกติอย่างปลอดภัยและได้ผลระยะ ยาว เพราะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับกรดในกระเพาะเลย
อาการที่แสดงว่าร่างกายคุณขาดเอนไซม์

1. รู้สึกเหนื่อยหลังจากกินอาหารมื้อหนักๆ
2. อ่อนเพลียเป็นประจำ
3. อ่อนเพลียเป็นประจำ
4. ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ จุกเสียด
5. ลมแน่นในท้อง ผายลมมีกลิ่นเหม็น นาที
6. อุจจาระจมน้ำ มีกลิ่นเหม็น
7. มีกลิ่นปาก
และอาการต่างๆที่คุณจะสังเกตุได้
8. อาการภูมิแพ้ง่าย
9. เวลาเป็นแผลจะหายช้า
10. ตับอ่อนบวม
11. ตับอ่อนบวม
12. เม็ดเลือดขาวเพิ่มจำนวนมากกว่าปกติหลังกินอาหาร 30
13. น้ำลายมีฤทธิ์เป็นกรด (pH ต่ำกว่า 7)
14. ในปัสสาวะมีสารพิษมาก สารพิษเกิดจากอาหาร ไม่ย่อยจึงบูดและเน่าในลำไส้ใหญ่ร่างกายจะดูดซึมพร้อมกับน้ำเข้าในกระแส เลือดตับและไต จะกรองสรพิษเอาไว้ และจากนั้นก็จะขับสารพิษนี้ ทิ้งออกจากปัสสาวะ จึงทำให้ตรวจพบปรึมาณสารพิษสูงในปัสสาวะ
15. ระดับเอนไซม์ต่ำกว่าปกติในเลือด
16. ความดันอาสูงมากกว่าปกติเล็กน้อย
เราจึงสรุปได้ว่า เอนไซม์คือพลังของชีวิต

ความจำเป็นที่สำคัญอีกอย่างของเอนไซม์คือ การสร้างเฮโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงเพื่อนำออกซิเจนไปให้อวัยวะทั่วทั้งร่าง กาย คนจำนวนมากกระดูกเปราะบาง เนื่องมากจากการกินอาหารที่ขาดเอนไซม์อันเนื่องมาจาก ขบวนการหุงต้มเตรียมอาหาร ร่างกายไม่สามารถนำแคลเชียมมาใช้ได้เพราะปราศจากเอนไซมื โปรตีนไม่สามารถเปลี่ยนเป็นกรดอะมิโน เพราะไม่มีเอนไซม์ย่อยโปรตีนและร่างกายไม่อาจจะซ่อมแซมตนเองหรือป้องกัน อันตรายจึงเกิดจากเชื้อโรคและเราไม่สามารถมีหน้าตาแจ่มใส เลือดฝาดดีได้ ถ้าเอนไซม์ในร่างกายบกพร่อง








ติดต่อเราทันที โครงการเสริมสร้างสุขภาพ ด้วยเอนไซม์ เจนนิฟู้ด




สนใจสินค้าสั่งซื้อได้ทันที 


090-464-1453   AIS

088-887-9419   DTAC

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS